กระถิน ชื่อสามัญ White popinac[1], Lead tree[1], Horse tamarind[2], Leucaena[2], lpil-lpil[6]
กระถิน ชื่อวิทยาศาสตร์ Leucaena leucocephala (Lam.) de Wit จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว
(FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE)
และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE)[1],[2]


กระถิน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กะเส็ดโคก กะเส็ดบก (ราชบุรี), กะตง กระถิน กระถินน้อย กระถินบ้าน ผักก้านถิน (สมุทรสงคราม), ผักก้านถิน (เชียงใหม่),
ผักหนองบก (ภาคเหนือ), กระถินไทย กระถินบ้าน กระถินดอกขาว กระถินหัวหงอก (ภาคกลาง), ตอเบา สะตอเทศ สะตอบ้าน (ภาคใต้), กระถินยักษ์ เป็นต้น[1],[2]
ลักษณะของกระถิน
ต้นกระถิน และมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อนและในหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัย
เนื่องจากต้นกระถินเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่ายจึงพบได้ทั่วไป[3],[8] จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก
มีขนาดความสูงประมาณ 3-10 เมตร ไม่ผลัดใบ ลักษณะทรงต้นเป็นเรือนยอดรูปไข่หรือกลม
เปลือกต้นมีสีเทา และมีปุ่มนูนของรอยกิ่งก้านที่หลุดร่วงไป
และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด
เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยหรือในดินเหนียวอุ้มน้ำได้ดี[1],[2],[3],[6]
ใบกระถิน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้นเรียงสลับกัน ยาวประมาณ 12.5-25 เซนติเมตร แกนกลางใบประกอบมีขน
ใบแยกแขนงประมาณ 3-19 คู่ เรียงตรงข้ามกัน มีความยาวประมาณ 5-10
เซนติเมตร ส่วนใบย่อยมีประมาณ 5-20 คู่
เรียงตรงข้ามกัน ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 2-5 มิลลิเมตรและยาวประมาณ 0.6-2.1 เซนติเมตร
โคนใบเบี้ยว ปลายใบแหลม ขอบใบมีขน แต่ละใบมีเส้นแขนงอยู่ประมาณข้างละ 5-6 เส้น ส่วนก้านใบย่อยมีความยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร[1],[2]
ดอกกระถิน ดอกมีสีขาว
ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุกแน่นตามง่ามใบและปลายกิ่งประมาณ 1-3 ช่อ
กลีบเลี้ยงโคนติดกันลักษณะเป็นรูประฆัง ส่วนปลายแยกเป็นสามเหลี่ยมเล็ก 5 แฉก มีขน ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ 10
อัน เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร
โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน[1],[2]
ฝักกระถิน ฝักมีลักษณะแบน ปลายฝักแหลม โคนสอบ
ฝักเมื่อแก่จะแตกตามยาว ฝักยาวประมาณ 10-20
เซนติเมตรและกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร
ในฝักมีเมล็ดเรียงตามขวางอยู่ประมาณ 15-30 เมล็ด
และจะออกผลในช่วงเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนมกราคม[1],[2]
เมล็ดกระถิน เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่แบนกว้าง มีสีน้ำตาลและเป็นมัน[1],[2]


สรรพคุณของกระถิน
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ (ราก[4],[5], เมล็ดแก่[6])
กระถินมีฟอสฟอรัสสูง
จึงช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูก (ยอดอ่อน,
ฝักอ่อน, เมล็ด)[3]
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
(ยอดอ่อน)[5]
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
(ยอดอ่อน)[5]
กระถินอุดมไปด้วยวิตามินเอ
จึงช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้ (ยอดอ่อน)[5]
ช่วยบำรุงหัวใจ
(ฝักอ่อน, ยอดอ่อน)[6]
ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ
(เมล็ดแก่)[6]
ช่วยทำให้เจริญอาหาร
(ฝักอ่อน, ยอดอ่อน)[6]
ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ
(ฝักอ่อน, ยอดอ่อน)[6]
ช่วยแก้เกล็ดกระดี่ขึ้นตา
(ดอก)[4]
ช่วยแก้อาการท้องร่วง
(ฝัก)[5],[6]
เมล็ดกระถินใช้เป็นยาถ่ายพยาธิตัวกลม
(Ascariasis) สำหรับผู้ใหญ่ให้ใช้ครั้งละ 25-50
กรัม ส่วนเด็กให้ใช้ 5-20 กรัมต่อวัน
โดยใช้รับประทานขณะท้องว่างในตอนเช้าประมาณ 3-5 วัน (เมล็ด)[4],[5],[6]
สรรพคุณกระถิน ช่วยขับลมในลำไส้ (ราก[2],[4],[5], เมล็ดแก่[6])
ช่วยขับระดูขาวของสตรี
(ราก[2],[4],[5], เมล็ดแก่[6])
ช่วยลดการเกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร
(ยอดอ่อน, ฝักอ่อน, เมล็ด)[3]
ดอกกระถินช่วยบำรุงตับ
(ดอก)[2],[4],[6] ช่วยบำรุงไตและตับ (เมล็ดแก่)[6]
ฝักกระถินเป็นยาฝาดสมาน
ใช้ห้ามเลือด (ฝัก, เปลือก)[5],[6]
หมายเหตุ : ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกมีรสมัน
เมล็ดอ่อนมีรสมันอมหวานเล็กน้อย รากมีรสจืดเฝื่อน ส่วนเปลือกมีรสฝาด[6]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของกระถิน
ผลเมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดไขมันในเลือดของหนูขาว
แต่เมล็ดมีสารลิวซีนีน (Leucenine) ซึ่งจะทำให้สัตว์เป็นหมันได้[4]
สารสกัดจากใบกระถินเมื่อฉีดเข้าหลอดเลือดของสุนัขจะทำให้มีระดับความดันโลหิตลดลง
มีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง ช่วยกระตุ้นการหายใจ มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต
แต่ฤทธิ์ดังกล่าวนี้สามารถต้านได้ด้วย Atropine
และยาต้านฮิสตามีน
และเมื่อนำน้ำยาสกัดกระถินมาใช้กับหัวใจของกบและเต่าที่แยกออกมา
พบว่ามีอัตราการบีบของหัวใจลดลง และในระบบทางเดินอาหารทั้งการทดลองแบบ in
vitro ก็พบว่าน้ำสกัดนี้ทำให้เกิดแรงตึงตัวและเกิดแรงบีบตัวเพิ่มขึ้น
เมื่อทดลองใน in vivo จะพบว่าการบีบตัวของกระเพาะลำไส้ตามปกติลดลง[4]
ประโยชน์ของกระถิน
ยอดอ่อนกระถิน ฝักอ่อน และเมล็ดใช้รับประทานเป็นผักได้[1],[2],[3] โดยยอดใบจะใช้รับประทานร่วมกับน้ำพริก ส้มตำ
หรือยำหอยนางรม[5] ส่วนเมล็ดอ่อนชาวอีสานใช้ผสมในส้มตำมะละกอหรือรับประทานกับส้มตำ
ส่วนชาวใต้ใช้เมล็ดอ่อนและใบอ่อนรับประทานร่วมกับหอยนางรม[6]
ใบ ยอด ฝัก
และเมล็ดอ่อนสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย ไก่ แพะ แกะ ฯลฯ[1],[2],[3],[4]
ใบกระถินอุดมไปด้วยธาตุไนโตรเจนและเกลือโพแทสเซียม
สามารถนำมาใช้ทำเป็นปุ๋ยหมักได้[1],[3],[4]
เมล็ดสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประดับได้หลายชนิด
เช่น เข็มกลัด สายสร้อย เข็มขัด ฯลฯ[1],[2],[4]
ลำต้นหรือเนื้อไม้กระถินสามารถนำมาใช้ทำด้ามอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตร
ทำฟืน เผาทำถ่าน และได้น้ำส้มควันไม้[1],[3],[5]
เปลือกต้นกระถินให้เส้นใยที่สามารถนำไปใช้ทำเป็นกระดาษได้
แต่มีคุณภาพไม่ดีนัก[1],[2],[4]
ประโยชน์กระถิน เปลือกต้นกระถินสามารถนำมาใช้ย้อมสีเส้นไหมได้
โดยเปลือกต้นแห้ง 3 กิโลกรัมจะสามารถย้อมเส้นไหมได้
1 กิโลกรัม โดยจะให้สีน้ำตาล[8]
สายพันธุ์กระถินที่ทำการปรับใหม่จะมีขนาดลำต้นสูงกว่าสายพันธุ์เดิม
หรือที่เรียกว่า “กระถินยักษ์”
ใช้ปลูกเพื่อเป็นแนวรั้วบ้าน แนวกันลม
และช่วงบังแสงแดดให้แก่พืชที่ปลูกได้ เหมาะในพื้นที่ที่มีการดูแลรักษาต่ำ
และต้นกระถินยังมีความแข็งแรง เจริญเติบโตได้เร็ว[1],[2],[4]
ตามคติความเชื่อในตำราพรหมชาติฉบับหลวงกล่าวว่า
กระถินเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยนำมาปลูกร่วมกับต้นสารภี
มีความเชื่อว่าจะช่วยป้องกันเสนียดจัญไรต่าง ๆ ได้[4]
คุณค่าทางโภชนาการของยอดอ่อนกระถิน
ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 62 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม
โปรตีน 8.4 กรัม
ไขมัน 0.9 กรัม
เส้นใยอาหาร 3.8 กรัม
น้ำ 80.7 กรัม
วิตามินเอ 7,883 หน่วยสากล
วิตามินบี 1 0.33 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.09 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 1.7 มิลลิกรัม
วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
ธาตุแคลเซียม 137 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 9.2 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
แหล่งที่มา : สถาบันการแพทย์แผนไทย[4]
การเลือกซื้อและการเก็บรักษากระถิน
ควรเลือกซื้อยอดกระถินหรือฝักอ่อนที่มีความสดใหม่และไม่เหี่ยว
ส่วนวิธีการเก็บรักษานั้นให้นำกระถินที่ได้มาห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ดี
แล้วนำมาใส่กล่องพลาสติกและปิดฝาให้สนิท เก็บเข้าแช่ตู้เย็นในช่องผัก
จะสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น[7]
โทษของกระถิน
เนื่องจากใบของกระถินมีสารที่เป็นพิษคือสารลิวซีนีน
(Leucenine) หากสัตว์กระเพาะเดียวกินใบกระถินในปริมาณสูงอาจทำให้ขนร่วงและเป็นหมันได้ แต่ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษเนื่องจากการกินกระถินในคน และยังมีรายงานว่ากระถินเป็นพืชที่มีคุณสมบัติช่วยดูดธาตุซีลีเนียมจากดินมาสะสมไว้ได้มาก
จึงอาจทำให้เกิดพิษเนื่องจากธาตุนี้ได้[1]
References
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กระถินไทย“. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [23 พ.ย. 2013].
ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “กระถิน“.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th.
[23 พ.ย. 2013].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “กระถิน“. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [23 พ.ย. 2013].
สถาบันการแพทย์แผนไทย.
“กระถิน“. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: ittm-old.dtam.moph.go.th. [23 พ.ย.
2013].
เดลินิวส์. “กระถินกินมีประโยชน์“. (06/12/55). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.dailynews.co.th. [23 พ.ย. 2013].
GotoKnow. “พืชผักสมุนไพรใกล้ครัว: กระถิน“.
(ครูนาย). อ้างอิงใน: สถาบันวิจัยสมุนไพรไทย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (นฤมล มงคลชัยภักดิ์). [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.gotoknow.org. [23 พ.ย. 2013].
เว็บสำหรับคนรักอาหาร.
“กระถิน“. [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก: www.siammoo.com. [23 พ.ย. 2013].
พันธุ์ไม้ย้อมสีธรรมชาติ
กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. “กระถินบ้าน“.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: qsds.go.th.
[23 พ.ย. 2013].